"ถึงวันนี้การลักลอบปลูก ยังเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่เชื่อว่า สักวันถ้ากฎหมายเปิดกว้างมากขึ้นและมองเห็นประโยชน์ของกัญชา ในทางรักษาโรค เชื่อว่า พืชสมุนไพรตัวนี้จะเป็นอีกหนึ่งพืชเศรษฐกิจของไทย ที่จะมีมูลค่าทางการค้า ไม่แพ้โสมเกาหลีหรือถังเช่าของจีน และที่สำคัญ กัญชาจะเป็นสมบัติของคนไทย ทุกๆ คน สืบต่อไปจนถึงรุ่นลูกหลาน"
นายวัฒนาเผยต่อว่าสำหรับวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้เพื่อส่งเสริมสนับสนุน พันธุ์กัญชาพื้นเมือง "พันธุ์หางกระรอก" แถบเทือกเขาภูพานและลุ่มแม่น้ำสงคราม ซึ่งเคยเป็นพันธุ์กัญชาที่ดีที่สุดในโลก ให้ความรู้เชิงวิชาการ กระบวนการผลิตกัญชา ตั้งแต่ เมล็ดจนเสร็จเป็นยา สนับสนุนวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ กลุ่ม SME เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน พ่อค้า ประชาชน ภาค เอกชน ภาครัฐ สถาบันการศึกษา ปลูกกัญชาเพื่อการแพทย์ ตามนโยบายรัฐบาล และส่งเสริมกิจการแพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์แพทย์ทางเลือก หมอพื้นบ้าน ผลิตตำรายาสมุนไพร ที่มีส่วนผสมของกัญชา ส่งขายตลาดในประเทศและต่างประเทศ
"เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสกลนครและจังหวัดในแถบ ลุ่มน้ำสงคราม โดยใช้ฟาร์มกัญชาและการรักษาโรคจากสมุนไพรกัญชา ผลักดันให้เมืองสกลนครเป็นเมืองต้นแบบ เป็นโมเดล "เมืองแห่งกัญชาโลก""
ประธานสภากัญชาแห่งประเทศไทยย้ำด้วยว่าการ ประชุมสัมนาเชิงวิชาการ เส้นทางกัญชาไทย ภายใต้หัวข้อ ศาสตร์กัญชาสืบสานตำนานภูพาน สู่ดินแดน กัญชาดีที่สุดในโลกครั้งนี้มีการแนะนำ กัญชาไทย สายพันธ์หางกระรอก หรือที่ ต่างประเทศรู้จักกันในชื่อ Thai stick ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ติดหนึ่งในห้าสายพันธุ์ ที่ดีที่สุดในโลก ด้วยภูมิอากาศ ความชื้น ดินและแสงแการรักษาโรคจากสมุนไพรกัญชา ผลักดันให้เมืองสกลนครเป็นเมืองต้นแบบ เป็นโมเดล "เมืองแห่งกัญชาโลก"
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่สภากัญชาฯโทร. 09-8101-7243