นางสาวชนิดาภา อิ่นศิริ เล่าวว่า ในอดีตตนเองเคยเป็นผู้สื่อข่าวท้องถิ่นของ จ.พะเยา หลังจากนั้น ไปทำงานในส่วนของราชการ แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งกลับมาบ้าน เห็นว่าพ่อกับแม่ทำการเกษตรจึงคิดสานต่อด้านการเกษตรของพ่อและแม่ จึงตัดสินใจลาออกงานมาทำการเกษตร ได้ลองผิดลองถูกมาหลายอย่าง เพราะไม่ได้เรียนด้านเกษตร มีอยู่ช่วงหนึ่ง ได้ไปอบรมการตลาดในส่วนของการปลูกกระเจี๊ยบเขียว ที่เห็นว่าตัวกระเจี๊ยบเขียว น่าจะสามารถเพิ่มและต่อยอดให้กับเกษตรกรมีรายได้เสริมมากขึ้น นอกจากการทำนาแล้ว ซึ่งการทำนาจะทำได้ปีละครั้ง แต่กระเจี๊ยบเขียวปลูกได้ทั้งปี
โดยผลผลิตของกระเจี๊ยบเขียวที่ปลูกจะส่งขายให้กับบริษัท ส่วนที่ผลโตเกินขนาดมาตรฐานของบริษัทก็จะเอาไปให้วัวและเอาไปเป็นปุ๋ย ตนจึงมีความคิดที่จะแปรรูปกระเจี๊ยบเขียว ลองผิดลองถูก จึงได้มาเป็นกระเจี๊ยบข้าวเกรียบเขียว และได้ทดลองหลายๆด้าน ทั้งรสชาติและสิ่งต่างๆ ที่จะสามารถกินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
สำหรับข้าวเกรียบกระเจี๊ยบเขียว จะเน้นแบบเพื่อสุขภาพ เนื่องจากกระเจี๊ยวเขียวนั้น มีประโยชน์มากมาย เช่น ตัวฝักกระเจี๊ยบเขียวจะมีเส้นใยอยู่มาก ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้ กระเจี๊ยบเขียวจึงเป็นผักที่เหมาะอย่างมากสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ใช้เป็นยาบำรุงสมอง ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต รักษาความดันให้เป็นปกติ ช่วยแก้อาการหวัด รักษาหวัด ช่วยป้องกันอาการหลอดเลือดตีบตัน และอื่นๆอีกหลายด้าน
นางสาวชนิดาภา กล่าวว่า สำหรับข้าวเกรียบกระเจี๊ยบเขียวนี้ จะมีส่วนผสมของกระเจี๊ยบเขียวถึง 45 เปอร์เซ็นต์ แป้งมันสำปะหลัง 40% กระเทียมพริก ไทยดำ หญ้าหวาน ส่วนผสม ทุกอย่างปลูกเอง สามารถยืนยันกับผู้บริโภคได้ว่าสินค้าที่ทำออกมาแล้วมีคุณภาพและสามารถที่จะการันตีได้ได้ว่าสะอาด ปลอดสารพิษ
ส่วนของราคาที่ขาย ข้าวเกรียบกระเจี๊ยบเขียว ที่ทอดแล้ว 100 กรัม จำหน่ายอยู่ที่ 50 บาท ในส่วนของที่ยังไม่ได้ทอด 1 กิโลกรัม ราคา 200 บาท ตอนนี้มียอดสั่งมาเรื่อยๆ โดยส่งขายทางออนไลน์ และขณะนี้ยังได้แปรรูป ผลิตภัณฑ์เพิ่มคือ ข้าวเกรียบแครอท ข้าวเกรียบ มันม่วง ข้าวเกรียบกระเพรา อีกด้วย ผู้ที่สนใจ สามารถสั่งได้ที่ 065-443 9551