(คลิป) หนุ่มเจ้าของเต็นท์มอเตอร์ไซด์ขาดทุน คิดสั้นตัดสินใจปล้นแบงก์หวังปลดหนี้!!!

วันที่ 6 สิงหาคม 2561 หนุ่มเพชรบูรณ์วัย 31 ปี อดีตเจ้าของเต็นท์จำหน่ายรถจักรยานยนต์ประสบปัญหาขาดสะภาพคล่องทางการเงิน ตัดสินใจพกอาวุธปืนลูกซองสั้นเข้าจี้ธนาคารหวังเงินปลดหนี้ ดวงซวยเจอตำรวจจับตัวได้ขณะยังหนีไม่พ้นประตูธนาคารธนาคารออมสิน สาขาศรีเทพ อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ศรีเทพ ได้ขึ้นวิทยุแจ้งเหตุ เวลา 15.10 น.มีเหตุจี้ธนาคารโดยผู้ก่อเหตุเป็นชายหนุ่มอายุ 31 ปี สวมหมวกกันน็อกสีขาวเต็มใบ ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้น จี้ชิงเงินสด จำนวน 5 แสนบาทเศษ จากพนักงานธนาคาร โดยคนร้ายใช้ถ้อยคำที่สุภาพ ไม่ได้คิดมาทำร้ายใครครับ เดือดร้อนจริง ๆ ขอแค่เงินสดครับ หลังจากได้เงินผู้ก่อเหตุ ก็เดินออกมาทางด้านหน้าประตูธนาคาร โดยสวมใส่หมวกกันน๊อค เดินออกมา ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สถานีตำรวจภูธรศรีเทพ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณนั้นพอดี ได้สังเกตเห็นผู้ก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์มีอาการพิรุธโดยสังเกตได้จากการแต่งกายและยามที่สะพายอยู่พร้อมกับมีธนบัตรจำนวนมากล่วงหล่นลงข้างๆ ตัว จึงแสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอตรวจค้น และจับกุม ตัวผู้ก่อเหตุได้ทันที พร้อมกับของกลางเป็นเงินสด ที่เพิ่งปล้นมาจากเคาท์เตอร์ ธนาคาร

ต่อมาทราบชื่อภายหลัง คือนายรังสรรค์ ยามวัน อายุ 31 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 35/1 หมู่ที่ 7 ต.พุขาม อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ในขณะก่อเหตุมาเพียงคนเดียว ส่วนสาเหตุนั้นนายรังสรรค์ ให้การรับสารภาพว่า เนื่องจากเดิมตนเองประกอบธุรกิจเต็นท์จำหน่ายรถจักรยานยนต์ และธุรกิจมีปัญหาขาดสภาพคล่องทั้งยังก่อหนี้ให้กับตนเองกว่า 100,000 บาท และเจ้าหนี้ก็ติดตามทวงถามตลอดเวลา ตนเองไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาใช้หนี้จึงตัดสินใจจี้ธนาคาร ดังกล่าว ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ในการจี้ก็เป็นของบิดาที่เก็บไว้ที่บ้าน การลงมือทั้งหมดกระทำด้วยตัวคนเดียวไม่มีใครทราบเรื่องและไม่ได้ปรึกษาใครมาก่อน

หลังจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบเงินที่ได้จากการจี้ชิงทรัพย์พบว่ามีจำนวน 562,050 บาท พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกในการกระทำผิดหรือเพื่อพ้นจากการจับกุม

ด้านนายธนวัฒน์ สุนทรพิพัตกุล พนักงานธนาคารออมสิน สาขาศรีเทพ ที่ถูกจี้กล่าวว่า ตนเองมาปฏิบัติงานได้เพียง 10 เดือน ในขณะที่กำลังนับเงินอยู่หน้าเคาเตอร์บริการลูกค้า นายรังสรรค์ ได้เดินเข้ามาพร้อมวางอาวุธปืนลงหน้าเคาเตอร์และตะโกนผ่านหมวกกันน็อกว่า "ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้มาทำร้ายใคร ผมเพียงต้องการเงินเท่านั้น" ด้วยความตกใจตนเองจึงยอมให้เงินกับนายรังสรรค์ไป และหลังจากให้เงินแล้วก็ถอยออกไปจากเคาเตอร์แต่ยังดีที่ตังสติได้จึงย้อนกลับมากดสัญญาณเตือนภัยก่อนที่จะทรุดตัวลงและถอยออกไปด้านหลังเคาเตอร์