svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

พนง.กฟภ.ภาคใต้ "แต่งดำ" คัดค้านการแปรรูปเป็นบริษัท

ยะลา -ประธานสหภาพแรงงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคภาคใต้เขต 3 นำ พนักงานไฟฟ้า แต่งชุดดำ ถือป้ายคัดค้านการแปรรูปไฟฟ้าในพื้นที่ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นบริษัท เผยดูท่าทีของรัฐบาลเพื่อกำหนดการเคลื่อนไหว

จากกรณีที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้ออกหนังสือเลขที่ กฟผ.910000/45142 ลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2561 ที่มีข้อความโดยสรุปว่า จะมีการบริหารจัดการกิจการด้านพลังงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีข้อเสนอแนวทางการบริหารจัดการใหม่ ที่มีแนวโน้มว่าจะมีการแปรรูป การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นบริษัท RPS เข้าดำเนินการกิจการด้านพลังงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่และพนักงานของการไฟฟ้าในพื้นที่ เกิดความไม่สบายใจ รวมทั้งทาง สหภาพแรงงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคภาคใต้เขต 3 ได้เรียกประชุมด่วน เพื่อกำหนดท่าทีในเรื่องดังกล่าว ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น



พนง.กฟภ.ภาคใต้ \"แต่งดำ\" คัดค้านการแปรรูปเป็นบริษัท


เวลา 08.30 น. ( 4 มิ.ย.61) ที่สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดยะลา ถนนสาย 15 ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา บรรดาผู้บริหาร พนักงาน และเจ้าหน้าที่จำนวน 150 คน แต่งกายชุดสีดำ ถือป้ายคัดค้านนโยบายการแปรรูป การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นบริษัท RPS โดยมี สมชาย อักษรภักดิ์ ประธานสหภาพแรงงาน กฟภ.ภาคใต้ เขต 3 อ่านแถลงการณ์คัดค้าน โดยมีข้อความว่า



ตามที่มีกระแสข่าวเรื่องการจัดตั้งบริษัทRPS หรือ Regional Power System Company เพื่อบริหารจัดการด้านพลังงานไฟฟ้า โดยอ้างความต้องการพลังงานไฟฟ้า และความมั่นคงต่อระบบจำหน่ายกระแสไฟฟ้า โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยถือหุ้นในอัตรา 24.5% และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคถือหุ้นในอัตรา 24%. และกลุ่มทุนในนามของวิสาหกิจชุมชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถือหุ้นในอัตรา 51% นั้น


เราชาวพนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคขอแสดงเจตนารมณ์คัดค้านการกระทำดังกล่าว เนื่องจากเป็นการกระทำการโดยเร่งรีบรวบรัด ไม่โปร่งใส ไม่มีการทำประชาพิจารณ์ หรือให้โอกาสให้พนักงานหรือส่วนเกี่ยวข้องของการไฟฟ้า ส่วนภูมิภาครวมทั้งภาคประชาชนได้มีโอกาสได้ชี้แจง แสดงเหตุผล หรือรับทราบปัญหา ข้อดีข้อเสีย ของโครงการดังกล่าวแต่อย่างไร

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ปัจจุบันสังกัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่ง หน้าที่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขประชาชนให้แก่ประกอบกิจการ ตาม พ.ร.บ.การไฟฟ้าส่วน ภูมิภาคพ.ศ.2503 โดยมิได้แสวงหาผลกำไรหรือประโยชน์แต่เพียงอย่างเดียว แต่ยัง วัตถุประสงค์ที่จะต้องบริการประชาชน ในด้านสาธารณูปโภค อำนวยความสะดวกให้ประชาชน มีกระแสไฟฟ้าในการดำรงชีวิตในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การบริหารจัดการด้านพลังงานไฟฟ้าเป็นอีกพื้นที่ หนึ่งที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไม่ได้มีผลกำไรจากการประกอบกิจการ แต่ยังคงเต็มใจที่ดำเนิน กิจการต่อไป




เนื่องจากพลังงานไฟฟ้าสาธารณูปโภคหลัก ที่ต้องบริการให้ ความสะดวกแก่ ประชาชนผู้ใช้ไฟอย่างทั่วถึงและถึงแม้ไม่มีกำไรในพื้นที่นี้ แต่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคก็ยังคง บริหารจัดการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับผู้ใช้ไฟในพื้นที่ได้ตามปกติ หากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถูกกาหนดให้อยู่ในรูปแบบของบริษัท ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องคำนึงถึงผลกำไรเป็นหลัก เมื่อไม่มีผลกำไร การขึ้นค่ากระแสไฟย่อมเกิดขึ้นได้ ประชาชนได้รับความเดือดร้อน รัฐบาลอาจให้ การอุดหนุนในช่วงต้นของการดำเนินการ แต่ภายหน้าเมื่อต้องการผลกำไร การขึ้นค่ากระแสไฟฟ้าย่อมเกิดขึ้น ความเดือดร้อน จึงไปตกอยู่กับประชาชน


การไฟฟ้าส่วนภมิภาค ต้องสูญเสียหรือเสียหายอย่างไรบ้างกับการกระทำครั้งนี้ คือผู้ใช้ไฟฟ้าจำนวนประมาณ 500,000 ราย ต้องโอนให้กับบริษัท RPS บริษัทRPS ชุบมือเปิบจากรายได้ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ได้ รับผู้ใช้ไฟ และนำรายได้ไปบริหารจัดการอย่างไร จะส่งต่อให้รัฐหรือนำไปบริหารกิจการสร้างกำไรให้ตนเอง ซึ่งเรายังไม่รู้ว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ 51% ของบริษัท RPS เป็นใคร และทำผลประโยชน์เพื่อชุมชนจริงหรือไม่ หรือจะทำกำไรเข้ากระเป๋าตนเองและหากบริหารขาดทุนจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ระบบจำหน่าย สายส่ง สถานีไฟฟ้า อาคารสำนักงาน และทรัพย์สินทุกอย่าง จะต้องให้บริษัท RPS ใช้ประโยชน์ ซึ่งเบืองต้ นทราบเพียงว่าจะจ่ายผลตอบแทนเป็นค่าเช่าในการดำเนินการให้ แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคซึ่งไม่รู้ ว่าจะดำเนินการไปได้แค่ไหน คุ้มทุนที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ลงทุนไปอย่างไร


ประชาชนได้อะไรหรือสูญเสียหรือเสียหายอย่างไร คือ ผลกระทบค่าไฟฟ้าที่อาจต้องขึ้นค่ากระแสไฟฟ้า หากการบริหารจัดการของหาบริษัท RPS ไม่มีผลกำไร แต่หากยังคงเป็นการบริหารจัดการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ ถึงอย่างไรก็ยังคงต้องบริการประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าอย่างเต็มที่ต่อไป หากมีการจัดตั้งบริษัท จะมีการจัดตั้งโรงไฟฟ้าเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ที่คาดล่วงหน้าได้ว่าวัตถุดิบหลักในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ไม้ ยางพารา ซึ่งไม่นานคงจะต้องหมดไป ดังนั้น วัตถุดิบที่จะนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าอาจเป็นอื่นที่มีอัตรายต่อสุขภาพ ประชาชน มลภาวะ มลพิษที่จะเกิดต่อชุมชนติดตามมา

พนักงานการไฟฟ้าส่วนภมิภาค เกิดผลกระทบอย่างไร คือพนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งปัจจุบันปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยจากเหตุการณ์ความไม่สงบอยู่แล้ว ต้องการขวัญกำลังใจ ความมั่นคงในการปฏิบัติงานจะถูกควบคุม ริดรอนสิทธิสวัสดิการใดๆหรือไม่ ณ ปัจจุบันนี้ ยังมีคำตอบจากผู้บริหารหรือจากผู้คิดโครงการนี้ขึ้นมา พนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจึงขอคัดค้านโครงการอัปยศ ที่จะสร้างความเดือดร้อน วุ่นวาย ให้กับประชาชนและพนักงานารไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างสุดความสามารถ และจะคัดค้านการจัดตับริษัท RPS อย่างเป็นรูปธรรม และทุกภาคส่วนต่อไป




นายสมชาย อักษรภักดิ์ ประธานสหภาพแรงงาน กฟภ.ภาคใต้ เขต 3 เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์ของกิจกรรมในครั้งนี้เพื่อต้องการให้รัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นของประชาชน อยู่ต่อกับประชาชนต่อไปหลังจากมีข่าวจะแปรรูปเป็นบริษัท ในส่วนของพนักงานเองก็มีความรู้สึก เพราะรัฐวิสาหกิจนั้นจะมีนายจ้างคือรัฐบาล และประชาชนคือเจ้าของทรัพย์สินทั้งหมด พวกเราในนามของพนักงานได้ถูกคัดเลือกโดยประชาชนมาบริหาร ดำเนินการทั้งหมด



เพราะฉะนั้นทุกวันนี้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ก็เป็นของประชาชนอยู่แล้ว ไม่จำเป็นที่จะโอนไปในรูปของบริษัท ที่ผ่านมาเราจะเห็นการแปรรูปเป็นบริษัทน้ำมัน ซึ่งทุกวันนี้เมื่อไปอยู่ในรูปของบริษัทเอกชน อำนาจการต่อรองก็ยาก ต้องรอรับผลกรรมอย่างเดียว ไฟฟ้าก็เช่นกันต้องอยู่ต่อกับประชาชน เพราะเราไม่ได้แสวงหาผลประโยชน์กับประชาชน แต่ถ้าเมื่อไหร่ถ้าการไฟฟ้าไปอยู่ในมือของเอกชน ก็ต้องแบกรับภาระกำไรขาดทุน หากมีต้นทุนสูงขึ้นก็จะต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้นแน่นอน ซึ่งยังไม่ทราบแน่นอนว่าบริษัท RPS ที่จะตั้งขึ้นมาจะรับผิดชอบหรือเปล่า ในฐานะสหภาพแรงงาน และผู้บริหารทั้งหมดเป็นห่วง เพราะจะให้ไฟฟ้า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปลายด้ามขวานไปอยู่เป็นบริษัท แต่ในอีก 70 กว่าจังหวัดยังอยู่กับการไฟฟ้า จึงเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้



"ผลเสียที่เราจะพบแน่หากมีการแปรรูปเป็นบริษัทคือ ปัจจุบันผลการประกอบการในพื้นที่ขาดทุน ไฟฟ้าจะต้องแบกรับภาระ เอาผลเฉลี่ยจากที่อื่นที่มีกำไรมาช่วย 3 จังหวัดใต้ การขยายเขตไฟฟ้าในพื้นที่ไกลๆ ค่าตัดตั้นไม้ก็ไม่คุ้มกับค่าไฟที่ได้รับ หากวันไหนแปรรูปเป็นบริษัท เชื่อได้เลยว่าการลงทุนแบบนี้ไม่มีอย่างแน่นอน เพราะบริษัทต้องลดต้นทุน และต้องขึ้นค่าไฟแน่นอน ส่วนกำไรที่ได้จะนำเข้ารัฐอย่างไร แต่อย่างไรก็ตามตนเองได้รับทราบว่า ท่านนายกรัฐมนตรีรับทราบเรื่องนี้แล้ว และได้สั่งให้ชะลอ ซึ่งเป็นสัญญานที่ดี หลังจากวันนี้ไปการเคลื่อนไหวของสหภาพแรงงานนั้น ทางสหภาพแรงงาน ก็จะขอดูทิศทางของรัฐบาล จะออกไปในทิศทางใดอีกครั้ง" นายสมชาย กล่าว