"จ้ากับพี่เดรียนเลิกกันมาเป็นปีแล้วแต่ตอนนี้ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ คุยกันเกือบทุกวัน ส่งรูปลูกไปให้เขาดู เวลามีปัญหาก็โทรปรึกษากันเรื่อยๆสาเหตุของการแยกทางกันปัญหาหลายๆอย่างที่เราปรับตัวกันไม่ได้ ต่างคนต่างแยกกันอยู่ดีกว่า ถามว่าส่งผลกระทบต่อลูกไหมไม่เลยค่ะ น้องเจย์เดนเขาอยู่กับคุณยายตั้งแต่เกิด จ้าเลี้ยงเขาอยู่กับคุณยาย เวลาที่เราออกมาทำงานก็จะเป็นคุณยายเป็นคนเลี้ยง (ค่าเลี้ยงดูน้องคุณพ่อช่วยไหม)เราทั้งคู่ช่วยกันหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลน้องค่ะ ไม่ได้แบ่งกันชัดเจนว่าต้องเท่าไหร่ ออกแนวช่วยกันแชร์มากกว่าตามกำลังที่แต่ละคนไหว คุณพ่อน้องก็ให้ความช่วยเหลือในเรื่องค่าใช้จ่ายอยู่เสมอ บอกปุ๊บเขาก็โอนให้เลยทันที เราแยกกันด้วยความเข้าใจ ต่างฝ่ายต่างมีความสุข ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน เพียงแค่น้องอยู่กับเราเท่านั้น (วันหนึ่งที่ลูกโตขึ้น เริ่มรับรู้สิ่งต่างๆ เราจะบอกน้องเรื่องคุณพ่ออย่างไร)ตัวจ้าเองก็ไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่สมบูรณ์ คุณพ่อคุณแม่ก็แยกทางกันตั้งแต่เด็กๆ แต่เราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ทุกวันนี้ก็ดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัว จ้ามองว่านี่คือความจริง เราให้เขารับรู้สถานะของพ่อกับแม่ตั้งแต่เด็กเลยดีกว่า แล้วค่อยๆอธิบายให้เขาเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ได้คิดจะปิดบังลูก ถามว่าน้องไม่ค่อยได้เจอคุณพ่อมีถามถึงบ้างไหมถามบ้าง แต่ช่วงนี้น้องจะติดคุณยาย ติดจ้า บางวันที่ไม่มีงานก็จะอยู่กับเขาตลอด มีคนเลี้ยงเยอะ ส่วนหนึ่งคือเขายังเด็กเลยไม่ได้ถามอะไรมาก"
ถามถึงกับหนุ่มต่างชาติคนใหม่ตอนนี้ความสัมพันธ์เป็นอย่างไรบ้าง
"กับพี่เราเลิกกันเอเดรียน (โรเบิร์ต เบาว์เด้น)เป็นปีแล้ว จากนั้นก็ลองคุยกับอีกคน แต่พอไปๆ มาๆ เราคิดว่าเป็นเพื่อนกันดีกว่า (แต่ก่อนหน้ารูปกับคนใหม่ดูหวาน) มันก็แค่รูปอะนะ หนึ่งมานั่งคุยกันแล้ว มันมีเรื่องของระยะเวลา มันห่างกันเยอะ 5 ชั่วโมง พอเป็นฤดูหนาว ห่างกันเป็น 6 ชั่วโมง (ย้อนกลับไปเจอกันคนนี้ได้อย่างไร) ไปถ่ายหนังที่จีนแล้วลองคุยกัน ลองคุยกันไหมแล้วเขาน่ารัก แต่ปรากฏว่าพอคุยๆกันแล้วไลฟ์สไตล์ คล้ายๆกัน พอคุยกันแล้วมันมีข้อจำกัดของเรื่องเวลา แล้วรู้สึกว่าเราเป็นคนที่ดูแลตัวเองได้ในระดับหนึ่งเลย มันยังไม่ใช่ตอนนี้ เวลาที่ห่างกัน คุยกันก็ยาก เรื่องดูแลกันไม่ต้องพูดถึง ดูแลกันไม่ได้อยู่แล้วคนละประเทศคนละทวีปเลย (ระยะทางเป็นปัญหาอย่างหนึ่ง) เป็นปัญหาด้วยและส่วนตัวจ้ายังติดลูกจ้าทุ่มทุกอย่างให้ลูก อีกอย่างความรู้สึกกับเขาเหมือนเราเป็นเพื่อนกันมากกว่าด้วย คุยไปคุยมา บอกยูเราเป็นเพื่อนกัน แล้วด้วยเขาเป็นฝรั่ง มันเคลียร์อยู่แล้ว อีกอย่างด้วยความรู้สึกของเราเองนะ คนนี้เหมาะที่จะเป็นเพื่อน ความรู้สึกชัดเจน และที่ผ่านมาเราเคยใช้ชีวิตคู่มาแล้ว อันไหนใช่ไม่ใช่มัน อีกอย่างความรู้สึกครั้งนี้เรารู้เร็วหน่อย ว่าไม่ใช่เป็นเพื่อนกันสบายใจกว่า"
ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองพอแล้วกับความรักแบบหนุ่มสาวไหม
"ถามว่าปิดใจไหม คือเหมือนกับว่าเราไม่มีเวลามากกว่านะ เมื่อคืนทำงานกว่าจะถึงบ้าน กว่าจะได้นอน แล้วมาทำงานต่อ แล้ววันที่ไม่ได้ละครคือเข้ายิม กิจกรรมเยอะ ถามว่าถ้ามีเข้ามาแล้วมันโอเค จ้าลองคุยดูนะ ถ้าจะมีใหม่จ้าจะบอกแม่บอกเพื่อนนะ แต่ว่าตอนนี้นะ เหมือนกับว่าก้มหน้าก้มตาทำงาน(ถ้าจะมีใครสักคนต้องบอกลูกก่อนไหม)ก็ต้องบอกเขานะ ให้ลูกแคสนะ ส่วนใหญ่จะบอกแม่ก่อน (กับคุณพ่อเขาน้องได้เจอกับฝั่งนั้นไหม) มีนะ เฟซไทม์ คุยไลน์ ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันนะ มีอะไรปรึกษา (ทำงานเยอะ แบ่งเวลาดูแลลูกอย่างไรบ้าง)เขามีงอแงเวลาที่จ้าไม่อยู่เหมือนกันนะ เราก็ต้องกลับมางอนะ เขาเคยงอนถึงขนาดไม่คุยโทรศัพท์เลยนะ เราต้องบาดน้ำตา แต่หลังๆ เราก็บอกเขานะ คือที่ผ่านมาบอกตลอด แต่ว่าตอนหลังเขาโตขึ้นเข้าใจมากขึ้น บอกเขาว่าแม่ไม่อยู่3วัน พอเราจะออกจากบ้านเขามาเกาะแข้งเกาะขาไม่ได้ขอตามเราออกไปนะ เขาขอสูดกลิ่น เราเองใจแบ่วเลย(ภาระการเลี้ยงลูกตรงหนักที่เรา) ไม่เป็นไรนะ จ้ามองว่าคนอื่นเหนื่อยกว่าอีกคนที่เหนื่อยน่าจะเป็นแม่ของจ้ามากกว่านะ แม่ต้องเลี้ยงเราเลี้ยงพี่ชาย แล้วมาเลี้ยงหลาน จ้าจะไม่บ่นคำนี้เลยนะ เพราะอย่างที่บอกแม่เหนื่อยกว่า เพื่อนจ้าเป็นซิ้งเกิ้ลมัมเยอะแยะเลี้ยงลูกเอง ไม่มีคนช่วยเลี้ยง หิ้วลูกไปไหนมาไหน เราประทับใจเขามากเลยนะ"จีจ้ากล่าวอย่างอารมณ์ดี