ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งชนะการเลือกตั้งสมัยที่ 5 อย่างถล่มทลายเมื่อเดือนมีนาคม จะสาบานตนรับตำแหน่งในวันอังคารที่ 7 พฤษภาคมนี้ เพื่อเริ่มต้นการบริหารประเทศที่มีวาระ 6 ปี หลังจากปกครองประเทศมายาวนาน 24 ปีนับจากดำรงตำแหน่งสมัยแรกในปี 2543
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขากำจัดคู่แข่งทางการเมือง และขับไล่นักข่าวอิสระออกนอกประเทศ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงก็ไม่สามารถทักท้วงคำสั่งใด ๆ และด้วยอำนาจมากมายขนาดนี้ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าเขาจะดำเนินนโยบายทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างไร
ก่อนหน้านี้เขาแถลงผลงานประจำปีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ โดยให้คำมั่นว่า จะทำให้รัสเซียบรรลุเป้าหมายของการใช้ปฏิบัติการทางทหารในยูเครน และจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของประชาชน
นอกจากนี้คาดว่า ปูติน วัย 71 ปี จะยังคงดำเนินนโยบายที่เป็นปรปักษ์ต่อชาติตะวันตกตลอด 6 ปีนับจากนี้ โดยเขากล่าวในช่วงแถลงผลงานต่อรัฐสภา โจมตีชาติตะวันตกว่าต้องการจัดการกับรัสเซียเหมือนภูมิภาคอื่น ๆ ในโลก เช่น ยูเครน ด้วยการสร้างความแตกแยกในรัสเซีย และสร้างความอ่อนแอจากภายใน
ขณะที่เขามีแผนเยือนจีนในเดือนนี้ด้วย ซึ่งจะเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่งอีกสมัย ซึ่งเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและมิตรภาพไร้ขีดจำกัด
พิธีสาบานตนรับตำแหน่งจะจัดขึ้นเพียง 2 วัน ก่อนวันแห่งชัยชนะในวันที่ 9 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันรำลึกที่กองทัพสหภาพโซเวียตสามารถพิชิตกองทัพนาซีของเยอรมนีในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
และในวันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม กองทัพรัสเซียจัดการฝึกซ้อมพิธีสวนสนามวันแห่งชัยชนะที่จตุรัสแดงในกรุมอสโก ก่อนการสวนสนามจะจัดขึ้นจริงในวันพฤหัสบดีในโอกาสครบรอบ 79 ปี ที่กองทัพโซเวียตสามารถยึดกรุงเบอร์ลินของเยอรมนี
นับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา พิธีสวนสนามวันแห่งชัยชนะไม่เพียงมีแถวทหารเดินสวนสนาม แต่จะมีการเคลื่อนขบวนของอาวุธหลากหลาย เช่น เครื่องบินรบ รถถัง และขีปนาวุธข้ามทวีปที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์